โอกาสในวิกฤตหลังการล่มสลายของวงการธุรกิจเพลงไทย

ชัย วงช้าง

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

ความน่าสนใจของกีตาร์ fake (ปลอม) กีตาร์ก๊อปปี้ ยี่ห้อดังจากจีน!!!!!!


   มือกีตาร์หลายคนมองหากีตาร์คู่ใจ   ที่ราคาที่ต้วเองไปถึงได้จริงๆ   บางคนอาจเป็นมือกีตาร์วงดังๆ  มีทุนมากก็มักมองหากีตาร์แบรนด์ดังราคาเป็นหลายหมื่นหลายแสนนั้นมันเรื่องปกติของคนที่มีศักยภาพทางการเงิน(หรือเปล่า) แต่นั้นก็เป็นการการันตีด้่านคุณภาพทางด้านเสียงและของแถมคือทำให้ดูดีมีคลาส  แต่แล้วศิลปินคนยากล่ะมีทางออกอย่างไรบ้าง  ส่วนใหญ่ก็ใช้ยี่ห้อที่ราคาพอไปถึงได้คุณภาพก็ด้อยลงมานิดหนึ่งเพราะประเทศไทยรายได้ของประขากรไทยต่อหวไม่สูงนัก  หากดูราคากีตาร์ต่อรายได้ต่อหัวของคนผั่งยุโรปแล้ว  กีตาร์ยี่ห้อแบรนด์ดังๆ  ราคาหลายหมื่นก็เป็นเรื่องปกติเพราะรายได้ต่อหัวเดือนละหลายหมื่นเช่นกันจึงไม่ได้เป็นเรื่องแปลกที่จะเห็นคนทั่วไปผั่งยุโรปเล่นกีตาร์แบรนด์ดังๆ  กันสนุกไปไปเลย  หันมาดูนักกีตาร์บ้านเรา  ใครๆก็ยากจะเล่นกีตาร์แบรนด์ทั้งนั้นแต่จะได้ครอบครองหรือไม่ขึ้นอยู่กับรายได้  ยิ่งมาดูปัจจุบัน  เพลงดาวน์โหลดฟรีเอาแต่รายได้จากแสดงสดก็ยากหน่อย  แต่มีทางออกอยู่บ้างคือกีตาร์ fake จากจีน (ไม่ได้สนับสนุนของละเมิดลขสิทธิ์) คุณภาพเสียงอาจด้อยกว่ากันแต่รูปลักษณ์ไม่ต่างกันเท่าไหร่ มีนักกีตาร์บางคนดัดจริตว่าของปลอมก็คือของปลอม  เอาละถ้ารายได้นักกีตาร์ดีๆพอก็คู่ควรกับแบรนด์  แต่สำหรับนักกีตาร์รายได้ไม่มากนัก  หรือต้องการซื้อไว้โชว์ใช่เลยกีตาร์ fake  แต่บางคนอาจเลือกยี่ห้อธรรมดาแต่เสียงดีก็เป็นทางออกที่ดีแล้วแต่ใคร   แต่เราจะรู้หรือที่ยืนดีดกีตาร์บนเวทีที่ดีดมันๆอยู่นั้นมันไม่fake  จริงไหมเธอ!!!!!!!              

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ของเล่นไฮโซ ความเป็นไปของวงการ ไม่เว้นแต่วงการเพลง!!!!

     คนมีทุนทรัพย์หรือขั้นเศรษฐี    มักได้เปรียบทางสังคมในทุกวงการ  การได้เปรียบทางสังคมทั้งทางตรงทางอ้อมคิดแล้วลงมือทำได้ทันที  เพราะความพร้อมทั้งเงินทุน(ไม่ว่าจะเป็นเครดิตทางเงินกู้หรือทุนทรัพย์แต่ดั่งเดิมหรือเงินที่ได้มาแบบผิดกฎหมายและอื่นๆ)  ทำให้กลุ่มทุนเหล่านี้ยังชี้นำสังคมอยู่ไม่เว้นแม้แต่วงการเพลงและวงการบันเทิง  แม้จะขายได้ไม่ได้ก็ทำเป็นงานอดิเรกถือว่าเงินเสียไปแลกกับชื่อเสียงเป็นการตอบแทนเห็นจากเหล่าลูกเศรษฐีหันมาเข้าวงการบันเทิงเป็นงานอดิเรก  เอาละเมื่อทุกอย่างพร้อมก็สามารถสร้างโอกาสตามใจคิด  แต่หากใช้โอกาสนี้ไปในทางฉาวก็จะกลายเป็นผลเสียในวงการเอง  และยังมีเหล่าเศรษฐีมาหาเศษหาเลยกับวงการบันเทิงทั้งเป็นทุนและล่าดาราสาวๆ  เอาละเราก็อาจยอมรับความเป็นไปในความจริงเพราะเป็นลกษณะน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า  มองในแง่ทุนศิลปินเริ่มต้นก็ไม่มีทุนมากก็ต้องวิ่งไปพึ่งค่าย(นายทุน)   ใครก็ต้องการใกล้ชิดทุนทั้งนั้นเมื่อใกล้ชิดทุนทุกอย่างก็เดินได้ จนเป็นเหตุให้ดาราศิลปินบางคนยอมเป็นของเล่นไฮไซเพื่อเปิดทางด้านทุนและอ้ปเกรดก็มี(หรือเปล่า)!!!!!          

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ได้ยินแต่เขาว่าเพลงเพื่อชีวิตตายแล้ว จริงๆมันเป็นอย่างไรกันแน่!!!!!!

เพลงเพื่อชีวิตมันเป็นอย่างไร  ทำไมต้องเพื่อชีวิต ใครจะตอบชัดเจน ที่ตอบได้ก็อ้อมๆ แอ้มไปมาจริงไหม!  ถามว่าเพลงลูกกรุง - ลูกทุ่ง เป็นอย่างไรพอจะนึกภาพออก  แต่เพลงเพื่อชีวิตนั้นเป็นเพลงอะไรกันแน่   เพราะเท่าที่ได้ยินได้ฟังก็คือ  การนำเพลงลูกทุ่งหรือบางทีก็เพลงลูกกรุงมาทำดนตรีแบบแนวสากลทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นโฟล์คหรือร็อคอื่นๆ  มากมาย   หากพูดถึงเนื้อหาของเพลงว่าสะท้อนปัญหาสังคมหรือออกแนวต่อสู้เพื่อคนยากคนจนหรือประชาธิปไตยนั้นก็น่าจะจริง  แต่หากดูพฤติกรรมของเหล่าเพลงเพื่อชีวิตศิลปินเพื่อชีวิตเหล่านี้หลายคนกลับไร้อุดมการณ์ทางการเมืองการปกครองประชาธิปไตย บางคนกลับไปสนับสนุนเผด็จการหรือเลียแข้งเลียขา(ที่มั่นคงกับประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยก็มี)      บางคนก็เอาตัวรอดทางธุรกิจ  บางคนก็มีอุดมการณ์ตรงข้ามกับเพลงที่เขียนโดยสิ้นเชิง  สรุปแล้วอะไรคือตััวตนของเพลงเพื่อชีวิต   แม้ต้นกำเหนิดจะมาจากการต่อสู้จากประชาชนที่โดนเผด็จการกดขี่ทั้งก่อน 14 ตุลา 6 ตุลา 17 พฤษภา 35  แม้แต่ เมษาเลือด 52  และทุ่งสังหารราชประสงค์ปี 53 ก็ตาม  หากสังเกตดูแล้วแล้ว  เพลงอาจเพื่อชีวิตจริงแต่ตัวศิลปินอาจตรงข้ามก็ได้  เมื่อไม่สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวระหว่างตัวศิลปินกับเพลงที่เขียน  เลยกลายเป็นจุดตายของเพลงเพื่อชีวิต(ใครชีวิตมัน)หรือเปล่าเพราะเนื้อแท้เพลงเพื่อชีวิตจริงๆ  มีตัวตนหรือเปล่าเท่าที่เห็นในปัจจุบันคือนอกจากจะไปแอบขโมยคอนเส็ปลูกทุ่งทีลูกกรุงทีฝรั่งที  อะไรคือตัวตนของเพลงเพื่อชีวิตหากบอกว่าเป็นเพลงสะท้อนปัญหาสังคมแล้วตัวตนศิปปินสะท้อนตัวตนทางสังคมอย่างไรหรือเป็นแค่เหลือบของเพลงเพื่อชีวิตหรือแท้จริงแล้วเพลงเพื่อชีวิตไม่มีตัวตน   เล่นเอามันเป็นใช้ได้หรือเปล่าพี่!!!!!       

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เมื่อทุกอย่างกับมาสู่สามัญ ทุกคนต่างก็มีโอกาสแต่!!!!!!!

วงการเพลงไทย ทุกค่ายต่างหนีตาย หาเพลงมุขออกมาขาย  เน้นดังเร็วเพื่อวิ่งไปที่แสดงสดเพราะเป็นทางเดียวที่จะหารายได้จากการลงทุนซึ่งมองอีกทีก็ถูกต้องในเมื่อเป็นหนทางเดียวที่เอาเงินคืนจากการลงทุนผลิตและให้ตัวเองยังอยู่ในธุรกิจเพลงได้ต่อไป(หรือไม่)   ค่าบัตรก็แพงแสนแพงเหมือนนักร้องฝั่งต่างประเทศ เช่น แพงสุด 2,500 บาท ต่ำสุด 500 เป็นต้น  มาดูหรือเข้าชม1,000 คนต่อรอบเป็นอย่างน้อยก็ได้เงินนับล้าน  เอาละหลักการนี้ไม่ใช่พึ่งเกิดแต่เคยเป็นมาในอดีตนานแล้วตั้งแต่อดีต ไม่ว่ายุค สรพล เรื่อยมาถึงยุคสายัณห์  แม้แต่วงเพื่อชีวิตวงหนึ่งอายุวงก็นานแล้ว  ยังหาสปอนเซอร์จัดการแสดงนี่เป็นหนทางเดียวที่จะหาเงินเข้ากระเป๋าได้ในยามยาก  แล้ววงไม่ค่อยมีชื่อจะหากินยากลำบากเหมือนกันนอกจากข้างฟุตบาทกับขัน 1 ใบ หรือขอทานเล่นในผับ  หากอาชีพอื่นรายได้ดีกว่าหรือเลี้ยงครอบครัวได้ดีกว่าก็ควรทำเพลงเป็นงานอดิเรกจะดีกว่า  ยุคทองของวงการเพลงผ่านไปอย่างรอดเร็ว  นายทุนหรือค่ายเพลงก็ช๊อต  เมื่องานเพลงกลับมาสู่ยุคที่เป็นศิลปะมากขึ้นกว่ายุคธุรกิจหลายคนท้อก็ลาวงการไปทั้งที่ฝีมือดี   หรือหลายคนยังหากินกับบุญเก่า เมื่อวงการเพลงกลับมาสู่สามัญอีกครั้งก่อนรอเทคโนโลยี่ใหม่ที่จะวนมาอีกอย่างเช่น แผ่นเสียง มาเป็นเทป  CD  และ mp3  ดาวโหลดสื่อดิจิตอล   ต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้นอนาคตค่ายใหม่ที่มีคุณภาพกว่าเน้นธุรกิจมอมเมาเยาวชน(ถือว่าเด็กมอมเมาง่ายหรือเปล่า) อาจขึ้นมาเป็นผู้นำด้านงานคุณภาพก็ได้  คุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้นก็เป็นได้อย่าประมาทตัวเอง!!!!